StandardBizNews – แนวโน้มทางการเงินของธนาคารกรุงไทย (KTB) มีความเชื่อมโยงอย่างมีนัยสำคัญกับผลการดำเนินงานของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูกิจการ โดยราคาหุ้นของการบินไทยได้กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลกำไรของ KTB โดยตรง ทั้งในแง่ของพอร์ตการลงทุนและการตั้งสำรองหนี้สูญ

บทวิเคราะห์ล่าสุดจาก Maybank Securities ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบเชิงบวกจากการฟื้นฟูกิจการที่ประสบความสำเร็จของ THAI ต่อ KTB โดยหนึ่งในพัฒนาการที่สำคัญคือการแปลงหนี้ของการบินไทยมูลค่า 3.4 พันล้านบาทให้เป็นทุนในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 ซึ่งส่งผลให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของ KTB ลดลงอย่างเห็นได้ชัด การดำเนินการเชิงกลยุทธ์นี้ส่งผลให้ปัจจุบัน KTB ถือหุ้นในสายการบินแห่งชาติเป็นสัดส่วน 4.7% ด้วยต้นทุน 2.545 บาทต่อหุ้น 

วิธีการบันทึกบัญชีสำหรับการลงทุนนี้เป็นปัจจัยสำคัญ โดย KTB ได้จัดประเภทการลงทุนใน THAI เป็นการลงทุนที่วัดมูลค่าตามมูลค่ายุติธรรมผ่านงบกำไรขาดทุน ซึ่งหมายความว่าความผันผวนของราคาหุ้น THAI จะส่งผลโดยตรงต่อกำไรจากการลงทุนของ KTB ด้วยราคาตลาดในปัจจุบันที่สูงกว่าต้นทุนของ KTB อย่างมีนัยสำคัญ ธนาคารจึงมีโอกาสรับรู้กำไรจากการประเมินมูลค่าตามราคาตลาด (mark-to-market) จำนวนมาก ซึ่งอาจสะท้อนให้เห็นในผลประกอบการไตรมาสที่จะถึงนี้ 

นอกเหนือจากผลกำไรโดยตรงจากการลงทุนแล้ว การฟื้นตัวของการบินไทยยังส่งผลดีในด้านอื่นๆ อีกด้วย รายงานระบุว่า KTB ยังคงมีสินเชื่อต่อ THAI อยู่ที่ 2.9 พันล้านบาทภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ เมื่อสถานะทางการเงินของการบินไทยดีขึ้น KTB จะมีโอกาสจัดชั้นสินเชื่อดังกล่าวกลับเป็นสินเชื่อปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่การกลับรายการสำรองหนี้สูญที่เคยตั้งไว้บางส่วน  การกลับรายการสำรองนี้จะช่วยหนุนผลกำไรสุทธิของธนาคารได้โดยตรง

นักวิเคราะห์จาก Maybank ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ KTB สำหรับปี 2568-2569 แล้ว โดยอ้างอิงถึงแนวโน้มการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (non-NII) ที่คาดว่าจะสูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนใน THAI พวกเขาคาดว่ากำไรจากการลงทุนและค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่ลดลงจะช่วยชดเชยผลกระทบจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่มีแนวโน้มลดลงได้

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวยังคงมีความเสี่ยง ผลการดำเนินงานของธนาคารยังคงอ่อนไหวต่อความผันผวนของอุตสาหกรรมการบินและความสามารถในการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องของ THAI หากราคาหุ้นของ THAI มีการเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม ก็จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อรายได้จากการลงทุนของ KTB แต่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมีมุมมองที่เป็นบวก โดยได้รับการสนับสนุนจากอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้เสีย (NPL coverage) ที่อยู่ในระดับสูงและพอร์ตสินเชื่อของ KTB ที่มีความเสี่ยงต่ำ ดังนั้น นักลงทุนจึงจำเป็นต้องจับตาดูราคาหุ้นของ THAI อย่างใกล้ชิด ซึ่งถือเป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จทางการเงินในระยะสั้นของ KTB ได้เป็นอย่างดี