สหรัฐฯ เมินข้อเสนอไทย! ส่งหนังสือทางการยืนยันเก็บภาษี 36% แต่ให้เวลาเจรจาถึง 1 ส.ค.
สหรัฐฯ เมินข้อเสนอไทย! ส่งหนังสือทางการยืนยันเก็บภาษี 36% แต่ให้เวลาเจรจาถึง 1 ส.ค.
ความพยายามในนาทีสุดท้ายของไทยที่จะหลีกเลี่ยงกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ ยังไม่เป็นผล เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการถึงรัฐบาลไทย ยืนยันที่จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าในอัตรา 36% อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ได้เลื่อนกำหนดวันบังคับใช้ออกไปเป็นวันที่ 1 สิงหาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาต่อรองต่อไป
การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นแม้ว่าไทยเพิ่งจะยื่นข้อเสนอการค้าฉบับปรับปรุงใหม่ไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเสนอที่จะลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ที่มีมูลค่ากว่า 46,000 ล้านดอลลาร์ ให้ได้ 70% ภายใน 5 ปี พร้อมทั้งเพิ่มการสั่งซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และเครื่องบินโบอิ้งจำนวนมาก
นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่ารู้สึก “ช็อกเล็กน้อย” กับการยืนยันอัตราภาษีดังกล่าว แต่ยังคงแสดงความเชื่อมั่นว่าทีมเจรจาของไทยจะสามารถบรรลุข้อตกลงที่ดีกว่านี้ได้ก่อนเส้นตายใหม่
“เราเชื่อว่าข้อเสนอฉบับล่าสุดที่ไทยส่งไปนั้น ยังไม่ได้รับการพิจารณาอย่างเต็มที่” นายพิชัยกล่าว “การที่สหรัฐฯ เลื่อนกำหนดเวลาออกไป ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าพวกเขายังเปิดประตูสำหรับการเจรจา และเราจะใช้เวลานี้ทำงานอย่างหนักเพื่อหาข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน”
นักวิเคราะห์มองว่า การยืนยันอัตราภาษีที่ 36% เป็นการส่งสัญญาณเตือนที่รุนแรงจากสหรัฐฯ ว่าข้อเสนอของไทย “ยังไม่ดีพอ” และเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้ไทยต้องยอมผ่อนปรนในประเด็นที่ยังตกลงกันไม่ได้
หากอัตราภาษี 36% มีผลบังคับใช้จริง จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการส่งออกของไทย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าอาจฉุดการเติบโตของ GDP ได้ถึง 1% และทำให้ไทยเสียเปรียบคู่แข่งในภูมิภาคอย่างมาเลเซียและเวียดนาม ซึ่งสามารถเจรจาอัตราภาษีที่ต่ำกว่าได้สำเร็จ
สถานการณ์นับจากนี้จึงอยู่ในภาวะที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยทีมเจรจาของไทยมีเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนในการหาทางบรรลุข้อตกลงใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในวงกว้าง
ตารางเปรียบเทียบอัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐฯ
| ประเทศ | อัตราภาษี (2 เม.ย. 68) | อัตราภาษี (7 ก.ค. 68) | การเปลี่ยนแปลง |
|---|---|---|---|
| 🇱🇦 ลาว | 48% | 40% | ↓ ลดลง 8% |
| 🇲🇲 เมียนมา | 44% | 40% | ↓ ลดลง 4% |
| 🇰🇭 กัมพูชา | 49% | 36% | ↓ ลดลง 13% |
| 🇹🇭 ไทย | 36% | 36% | → เท่าเดิม |
| 🇵🇰 ปากีสถาน | 37% | 35% | ↓ ลดลง 2% |
| 🇷🇸 เซอร์เบีย | 37% | 35% | ↓ ลดลง 2% |
| 🇮🇩 อินโดนีเซีย | 32% | 32% | → เท่าเดิม |
| 🇧🇦 บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา | 35% | 30% | ↓ ลดลง 5% |
| 🇿🇦 แอฟริกาใต้ | 30% | 30% | → เท่าเดิม |
| 🇯🇵 ญี่ปุ่น | 24% | 25% | ↑ เพิ่มขึ้น 1% |
| 🇰🇿 คาซัคสถาน | 27% | 25% | ↓ ลดลง 2% |
| 🇲🇾 มาเลเซีย | 24% | 25% | ↑ เพิ่มขึ้น 1% |
| 🇰🇷 เกาหลีใต้ | 25% | 25% | → เท่าเดิม |
| 🇹🇷 ตุรกีเย | 28% | 25% | ↓ ลดลง 3% |
| 🇻🇳 เวียดนาม | 46% | 20%* | ↓ ลดลง 26% |
*หมายเหตุ: อัตราภาษีใหม่ของเวียดนามมีผล ณ วันที่ 3 ก.ค. 68
